LECTURE


 กระบวนการพัฒนาเว็บไซต์    
การจัดระบบโครงสร้างข้อมูล คือการพิจารณาว่า เว็บควรจะมีข้อมูลและการทำงานใดบ้าง โดยเริ่มจากการกำหนดเป้าหมาย กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย เนื้อหาและการใช้งานที่จำเป็น นำมาจัดกลุ่มให้เป็นระบบเป็นพื้นฐานในการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี มีทั้งหมด 5 Phase 

Phase 1 : สำรวจปัจจัยสำคัญ (Research) 
1. รู้จักตัวเอง-กำหนดเป้าหมายและสำรวจความพร้อม
2 .เรียนรู้ผู้ใช้ ระบุกลุ่มผู้ใช้และศึกษาความต้องการ
3. ศึกษาคู่แข่ง-สำรวจการแข่งขันและการเรียนรู้คู่แข่ง 

สิ่งที่ได้รับ 
1. เป้าหมายหลักของเว็บ
2. ความต้องการของผู้ใช้
3 .กลยุทธ์ในการแข่งขัน 


Phase 2 : พัฒนาเนื้อหา (Site Content) 
4 .สร้างกลยุทธ์การออกแบบ
5 .หาข้อสรุปขอบเขตเนื้อหา 

สิ่งที่ได้รับ 
1. แนวทางการออกแบบเว็บ
2. ขอบเขตเนื้อหาและการใช้งาน
3. ข้อมูลที่ถูกจัดอย่างเป็นระบบ 


Phase 3 : พัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) 
6. จัดระบบข้อมูล
7. จัดทำโครงสร้างข้อมูล
8. พัฒนาระบบเนวิเกชัน 

สิ่งที่ได้รับ 
1. แนวทางการออกแบบเว็บ
2. ขอบเขตเนื้อหาและการใช้งาน
3. ข้อมูลที่ถูกจัดอย่างเป็นระบบ 7 


Phase 4 : ออกแบบและพัฒนาหน้าเว็บ (Visual Design) 

9. ออกแบบลักษณะหน้าตาเว็บ
10. พัฒนาเว็บต้นแบบและข้อกำหนดสุดท้าย 

สิ่งที่ได้รับ 
1. ลักษณะหน้าตาของเว็บ
2. เว็บต้นแบบที่จะใช้ในการพัฒนา
3. รูปแบบโครงสร้างของเว็บ
4. ข้อกำหนดในการพัฒนาเว็บ 


Phase 5 : พัฒนาและดำเนินการ (Production & Operation) 
11. ลงมือพัฒนาเว็บ
12. เปิดเว็บไซต์
13. ดูแลและพัฒนาต่อเนื่อง 

สิ่งที่ได้รับ 
1. เว็บที่สมบูรณ์
2. เปิดตัวเว็บและทำให้เป็นที่รู้จัก
3. แนวทางการดูแลและพัฒนาต่อไป




จัดระบบข้อมูลในเว็บ   

ปัญหาความคลุมเครือของกลุ่มข้อมูล
การแบ่งข้อมูลต้องอาศัยพื้นฐานทางด้านภาษามาช่วยเพราะคำหนึ่งคำมีความหมายได้หลายอย่างในเหตุการณ์ต่างกัน
การแบ่งหมวกหมู่ในเว็บมักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น หัวเรื่องหรือข้อความ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจระบบการจัดกลุ่มข้อมูลที่เราได้ออกแบบไว้

การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล 
       ได้แก่ การจัดกลุ่มข้อมูลการกำหนดตำแหน่งของข้อมูลและเทคนิคที่ใช้นำเสนอผู้ออกแบบควรจัดกลุ่มข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยรูปแบบการจัดกลุ่มข้อมูลอาจกระทำได้หลายลักษณะ หลักการออกแบบโครงสร้างระบบข้อมูลแบบลำดับชั้นควรมีจำนวน บวกลบ รายการในเมนูที่มีจำนวนรายการมากกว่า 10 จะสร้างความรู้สึกว่ามากเกินไปส่วนความลึกไม่ควรเกิน 4-5 ชั้น  เพราะจะทำให้ผู้ใช้อาจหมดหวังและเลิกล้มความตั้งใจได้ โครงสร้างระบบข้อมูลแบบไฮเปอร์เท็กซ์มีลักษณะคล้ายเครือข่ายโยงใยโครงสร้างระบบนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ รายการ หรือกลุ่มข้อมูลที่ถูกลิงค์กับลิงค์ที่เชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นส่วนใหญ่จึง มักนำระบบนี้มาใช้เป็นส่วนเสริมให้กับโครงสร้างข้อมูลแบบลำดับชั้น

โครงสร้างข้อมูลแบบฐานข้อมูล  
        มักนิยมใช้กับเว็บขนาดใหญ่ การนำระบบฐานข้อมูลมาใช้ในเว็บจะช่วยเพิ่มความสามารถในการค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง แต่เป็นเรื่องยากที่จะเอาข้อมูลทั้งหมดมาไว้ในฐานข้อมูล 

รูปแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ (GIF , JPG และ  PNG)    

     * GIF  ย่อมาจาก  Graphic  Interchange  Format
          - ได้รับความนิยมในยุคแรก
          - มีระบบสีแบบ Index ซึ่งมีข้อมูลสีขนาด 8 บิต ทำให้มีสีมากกว่า 256 สี
          - มีการบีบอัดข้อมูลตามแนวนอนของพิกเซล   เหมาะสำหรับกราฟฟิกที่ประกอบด้วยสีพื้น

     * JPG  ย่อมาจาก  Joint  Photogtaphic  Experts  Group
          - มีข้อมูลสีขนาด 24 บิต (True Color)  สามารถแสดงสีได้ถึง 16.7 ล้านสี
          - ใช้ระบบการบีบอัดที่มีลักษณะที่สูญเสีย (lossy)
          - ไฟล์ประเภทนี้ควรนำไปใช้กับรูปถ่ายหรือกราฟฟิกที่มีการไล่ระดับสีอย่าง ละเอียด

     * PNG  ย่อมาจาก  Portable  Network  Graphic สามารถสนับสนุนระบบสีได้ทั้ง 8 บิต 16 บิต และ 24 บิต   มีระบบการบีบอัดแบบ Deflate ที่ไม่ทำให้เกิดการสูญเสีย (lossless) มีระบบการควบคุมค่าแกมม่า (Gamma)  และความโปร่งใส (Transparency) ในตัวเอง


ระบบการวัดขนาดของรูปภาพ                                                                                                      
      รูปภาพที่ใช้หน่วยวัดขนาดตามหน้าจอมอนิเตอร์   นั่นก็คือหน่วยพิกเซล   ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเปรียบเทียบขนาดของกราฟฟิกหับองค์ประกอบอื่น ๆ ในหน้าเว็บ   รวมถึงขนาดของหน้าต่างเบราเซอร์ด้วยระบบการวัดความละเอียดของรูปภาพ
          * ระบบความละเอียดของรูปภาพที่แสดงผลบนจอมอนิเตอร์ควรใช้หน่วย pixel per inch (ppi)
          * แต่ในทางการใช้งานจะนำหน่วย dot per inch (dpi) ซึ่งเป็นหน่วยวัดความละเอียดของสิ่งพิมพ์มาใช้งานแทน ppi
          * ความละเอียดของรูปภาพที่ใช้ในเว็บไซต์ควรมีความละเอียดแค่ 72 ppi ก็เพียงพอแล้ว


โปรแกรมกราฟฟิกสำหรับเว็บ                                                                                                      
     -ปัจจุบันมีหลายประเภททีนำมาใช้ในการสร้างกราฟฟิกสำหรับเว็บ
          * Adobe   PhotoShop
          * Adobe  ImangeReady
          * Firework    
     - ค่าพื้นฐานที่สามารถเลือกปรับได้คือ  รูปแบบไฟล์,  ชุดสีที่ใช้ ,  จำนวนสี,  ระดับความสูญเสีย,  ความโปร่งใส และสีพื้นหลัง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น